Website Sponsored

วิสัชนา“สมุนไพรไทย” ทำไมยังไปไม่ถึงตลาดโลก…

Website Sponsored
Website Sponsored

สมุนไพรไทยถือเป็นหนึ่งในสมบัติชาติที่สืบทอดภูมิปัญญาไทยมาแต่บรรพกาล ท่ามกลางกระแสสมุนไพรที่เป็นที่นิยมกันในระดับนานาชาติ แต่กระนั้นสำหรับไทยการจะก้าวไปสู่ตลาดโลกยังดูเป็นเรื่องยาก

รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ และอาจารย์ประจำวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
กล่าวว่า ประเทศไทยมีการใช้สมุนไพรเพื่อการรักษามานาน บรรพบุรุษได้สั่งสมองค์ความรู้ด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยก.สาธารณสุขได้ออกประกาศ กระทรวงฯ คุ้มครองตําราการแพทย์แผนไทยของชาติ 198 ตํารา และตํารับยาแผนไทยของชาติ 30,000 ตํารับ

ตํารายาสมุนไพรที่สําคัญ เช่น “แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์” ซึ่งเป็นตําราที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราช ดําริให้รวบรวมไว้กว่า 1,200 ตํารับ และยังมีตํารายาวัดโพธิ์ที่รวบรวมจากจารึกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น ซึ่งจากเอกสารและจารึกเหล่านี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ประเทศไทยมีการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพรมานาน แต่เมื่อยาเคมีจากต่างชาติเริ่มเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตคนไทย ทําให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดน้อยลง

ภก.รศ.ดร.สุรพจน์ กล่าวว่า ประเทศไทยขาดโอกาสทางการแข่งขันในตลาดยารักษาโรคไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่มีวัตถุดิบคือ สมุนไพรที่มีคุณภาพ มีสารสําคัญที่จะสกัดออกมา แปรรูปเป็นยาสมุนไพรที่มีมูลค่าสูง แต่ด้วยปัญหาคือ การขาด Know-How เทคโนโลยีสมุนไพรขั้นสูง ซึ่งทําให้ไม่สามารถสร้างนวัตกรรมยาสมุนไพรได้ ตั้งแต่ต้นน้ำคือ การคุมการปลูกพืชสมุนไพรให้ได้คุณภาพ ตัวยาสม่ำเสมอ การขาดเทคโนโลยีการสกัดและการผลิตที่ทันสมัยเพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานสากล อันจะทําให้สามารถส่งไปจําหน่ายได้ทั่วโลก

เวลานี้กระแสความต้องการสมุนไพรเพิ่มขึ้นสูงมากในตลาดโลก เพราะสมุนไพรช่วยทั้งการรักษาโรคป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ ประเทศเรามีสมุนไพรมากมายและหลากหลาย แต่ขาดการสร้างนวัตกรรม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ประสิทธิภาพและปลอดภัย ในขณะที่การผลิตตัวผลิตภัณฑ์ต้องไม่กระทบสิ่งแวดล้อม และต้องปลอดจากสารเคมี

หากต้องการแข่งขันในตลาดโลกจะต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมทั้งการปลูกให้ได้คุณภาพสม่ำเสมอ ปลอดสารพิษ และต้องมีกระบวนการผลิตที่ได้คุณภาพเป็นที่ยอมรับ มีการวิจัยเพื่อยืนยันว่าเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ดีจริงๆ หากทําได้ก็จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล”

ส่วนเหตุที่ทําให้ความต้องการใช้ยาสมุนไพรเพิ่มมากขึ้นนั้น ภก.รศ.ดร.สุรพจน์ กล่าวว่า เวลานี้ยาเคมีกําลังประสบปัญหาหลายประการ กล่าวคือ การวิจัยและพัฒนายาใหม่แต่ละตัวต้องลงทุนสูงมาก และใช้เวลานาน ยาบางชนิดจะมีอาการข้างเคียงที่เป็นพิษ ไม่สามารถนําวัตถุดิบเคมีในกระบวนการสังเคราะห์ที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ โรงงานที่สังเคราะห์ตัวยาเคมีอาจก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ยาเคมีมีราคาแพงทําให้ประชาชนเข้าถึงยาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกําลังพัฒนา

นอกจากนั้น ยังมีข้อจํากัดในประสิทธิภาพการรักษา โดยเฉพาะการรักษากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังบางชนิดที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น โรคหัวใจหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น

ปัจจุบันมีคนป่วยด้วยไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs อาทิ มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคทางสมอง โรคซึมเศร้ากันมากขึ้น โดยกลุ่มโรคเหล่านี้ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลก 70% องค์การอนามัยโลก คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2593 จะมีประชากรครึ่งโลก คือกว่า 4,650 ล้านคน ป่วยด้วยโรค NCDs อย่างน้อยคนละ 1 โรค อันจะก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงขึ้นอย่างมากมาย ทั้งระดับประเทศและระดับโลก

กล่าวได้ว่าศตวรรษที่ 21 นี้ ที่เกิดวิกฤติด้านสุขภาพของโลกและเป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญที่ส่งผลกระทบให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ จึงต้องเร่งรีบแก้ปัญหาแบบองค์รวม เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2560 มาตรา 55 ว่าด้วยการสนับสนุนให้มีการพัฒนาด้านการแพทย์แผนไทยในการบริการสุขภาพ โดยบัญญัติไว้ว่า รัฐต้องดําเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพทั่วถึง เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บริการสาธารณสุขต้องครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพด้วย รัฐต้องพัฒนาบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมาตรา 69 ว่าด้วยเรื่อง การส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศ และการสร้างนวัตกรรมยาสมุนไพรก็นับเป็นโอกาสทองของคนไทย

“ การที่รัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาสมุนไพรไทยนับเป็นเรื่องที่ดี ทําให้เปิดโอกาสให้มีการศึกษาวิจัย ค้นคว้าสมุนไพรมากขึ้น แต่ก็จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน และปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ต้องเรียนรู้ว่าตลาดโลกต้องการอะไร แล้วกําหนดกฎเกณฑ์เพื่อผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน มีการขึ้นทะเบียนตํารับยาสมุนไพรไทยเพื่อส่งออก

หากทําสําเร็จและได้ผลจริงก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เพราะประชาชนทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ เป็นการต่อยอดสร้างเศรษฐกิจประเทศ บนพื้นฐานที่เป็นจุดแข็งของประเทศเรา จะช่วยขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้นําของโลกด้านยาสมุนไพรต่อไป”

Website Sponsored
นักเรียน นักศึกษา

นักเรียน โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา ศึกษาต่อต่างประเทศ สอบ กิจกรรมและงานต่าง ๆ ของนักศึกษาฯลฯ

Recent Posts

สพฐ. เปิดเทอมใหม่คืนครูสู่ห้องเรียน ลดภาระครูต่อเนื่อง 3 ด้าน

วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 นี้ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี…

กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ผนึกกำลัง กปร. และธ.ก.ส.ปล่อยคาราวานลุยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของศศช.จังหวัดเชียงใหม่ – สำนักข่าว บางกอก ทูเดย์

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ณ ศศช. บ้านห้วยแห้ง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานร่วมกับนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และนายเกียรติศักดิ์ พระวร…

เปิดเทอมนี้ สพฐ.สั่งโรงเรียนรับมือ 4 ภัย เตรียมแผนเผชิญเหตุ

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน( กพฐ.) เปิดเผยถึงมาตรการเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษารองรับการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2567 ว่า เนื่องจากโรงเรียนทยอยเปิดเทอมมาตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม และจะเปิดครบ 100% ในวันที่พรุ่งนี้ (16 พฤษภาคม) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(…