สรุปผลสืบสวนฯ โกงกองทุนเสมาฯ ส่ง 24 รายชื่อข้าราชการ ศธ.ฟันวินัย
วันที่ 7 พ.ค.2561 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ว่า ตามที่ นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะสรุปผลสืบสวนข้อเท็จจริง ให้ตนรับทราบในวันที่ 7 พ.ค.นั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูล โดยคาดว่าจะได้รับรายงาน ในวันที่ 9 พ.ค.นี้
ด้านนายอรรถพล กล่าวว่าขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนฯ ได้สรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการสรุปมูลความเสียหาย ว่าเกิดจากผู้ใด และแต่ละปีเสียหายจริงเท่าไร ซึ่งตัวเลขความเสียหายตอนนี้ค่อนข้างนิ่ง เหลือเพียงรอสเตทเมนท์ ยืนยันจากสถานศึกษาบางแห่ง รวมถึงข้อมูลส่วนอื่น ๆ ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พบว่าข้าราชการบางรายมีความเคลื่อนไหวของเงินแบบไม่ปกติแต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน
อย่างไรก็ตาม โดยสรุปยอดเงินที่สำนักงานปลัด ศธ. โอนไปให้ให้โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ 41 แห่ง และวิทยาลัยพยาบาลต่างๆ อีก 26 แห่ง ตั้งแต่ปี 2548-2561 จำนวน 230,251,144 บาท และโรงเรียนได้รับโอนจริง จำนวน 134,425,281 บาท เงินที่โอนเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่มีสิทธิจะได้รับ จำนวน 95,825,863 บาท ตรวจสอบมีการโอนคืนกลับ ตัวเลข ณ วันที่ 7 พ.ค.2561 จำนวน 18,783,651 บาท ดังนั้น ตัวเลขความเสียหาย เหลือจำนวน 77,042,211 บาท
ทั้งนี้ ตัวเลขความเสียหายดังกล่าวไม่ใช่ของโรงเรียนทั้งหมด เป็นตัวเลขความเสียหายของกองทุนฯ ที่ถูกโกงไป ในลักษณะของการเบิกซ้ำ โดยเฉพาะปี 2555-2557 จะใช้รูปแบบของการเบิกก่อนกำหนด เช่น ปี 2555 อนุมัติงบฯ สำหรับปี 2556 ในเดือน มิ.ย. แต่พออนุมัติเสร็จ พบว่ามีการเบิกก่อนกำหนด ส่วนใครเกี่ยวข้องบ้างไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่คงต้องไปไล่เบี้ยกันต่อ พอมาถึงปี 2556 ปรากฏว่า ไม่มีการรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบว่า ได้มีการเบิกเงินไปแล้วเมื่อปี 2555 แต่มาขออนุมัติใหม่และมีการเบิกจ่ายอีกครั้งในปี 2556 กลายเป็นว่าเป็นการเบิกล่วงหน้าและมาเบิกซ้ำ พอปี 2556 ก็เบิกงบฯของปี 2557 อีกประมาณ 7,500,000 บาท และพอถึงกำหนดปี 2557 ก็มีการเบิกยอดเดิม ถือเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างหนักในช่วงเวลาดังกล่าว
“จากการสืบสวนข้อเท็จจริง พบผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความเสียหาย เฉพาะที่มีเอกสารหลักฐานยืนยัน และมีมูลกระทำความผิด ฐานทำให้ราชการเสียหาย รวม 24 คน รวมนางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการด้วย เป็น 25 คน ทั้งหมดเป็นข้าราชการระดับ 8 หรือชำนาญการพิเศษขึ้นไป บางคนเกษียณอายุราชการ และบางคนเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนระดับปฏิบัติการหรือเจ้าหน้าที่ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ พิจารณาแล้วว่า ดำเนินการโดยใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ในจำนวนนี้ มี 21 ราย มีความผิดฐานประมาทเลินเล่อ และมีจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นข้าราชการระดับ 8-11 ที่เชื่อได้ว่ามีส่วนร่วมกับการทุจริตกับนางรจนา โดยดูจากพฤติการณ์ บริบท และเอกสารหลักฐาน ซึ่งมีทั้งกรณีไม่ปฏิบัติตามระเบียบราชการ รายงานเท็จ รับโอนเงินร่วมกันทุจริต ตัวเลขผู้กระทำความผิดของ ศธ. เป็นเพียงส่วนหนึ่ง โดยยังต้องรอขอมูลจากทาง ป.ป.ท. สรุป ซึ่งอาจจะทำให้มีจำนวนผู้กระทำความผิดเพิ่มขึ้นในส่วนของนางรจนา มีหลักฐานเพิ่มเติมว่า มีการรายงานข้อมูลเท็จหลายครั้ง ถือเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง แต่คงไม่มีผลกับการดำเนินการทางวินัย เพราะนางรจนา ถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว โดยผมได้ส่งสรุปผลการสืบข้อเท็จจริงทั้งหมดผ่านนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. เพื่อให้ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาแล้ว”
นายอรรถพล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม แม้คณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดของตนเองจะสรุปผลแล้ว แต่การตรวจสอบยังต้องเดินหน้าต่อไป เพราะยังมีข้อมูลจากอีกหลายส่วน เช่น การตรวจสอบเส้นทางการเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ซึ่งได้ส่งผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินบางส่วนมาให้แล้ว ขณะที่ยังต้องรอฟังข้อมูลผลการตรวจสอบบัญชี ทั้ง 68 บัญชี ที่ไม่สามารถค้นพบได้ว่าเป็นบัญชีของใครจากธนาคารกรุงไทย อาจจะทำให้พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม แต่เบื้องต้นการรายงานสรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของตนเอง ทาง รมว.ศึกษาธิการ สามารถใช้ประกอบการพิจารณา ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องได้ทันที แต่หาก รมว.ศึกษาธิการ หรือปลัด ศธ. เห็นว่าใครที่มีความผิดเพิ่มเติม หรือทางคณะกรรมการสืบสวนฯ ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาก็ต้องว่ากันต่อไป
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ