-- advertisement --

เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ กล่าวว่าการที่รัฐต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ห้ามการสวมหน้ากากในโรงเรียน อาจเป็นการเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนที่มีความทุพพลภาพ

กระทรวงศึกษาธิการเพื่อสิทธิพลเมืองได้เปิดการสอบสวนในห้ารัฐที่ห้ามสวมหน้ากาก ซึ่งได้แก่ รัฐไอโอวา โอคลาโฮมา เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี และยูทาห์

Suzanne Goldberg ผู้ช่วยเลขานุการแผนกสิทธิพลเมืองแห่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้แจ้งชื่อของรัฐที่จะต้องถูกสอบสวน โดยบอกว่ารัฐเหล่านั้นอาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมาย American With Disabilities Act (ADA) หรือกฏหมายว่าด้วยการไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ

ทั้งนี้ กฎหมายปี 1990 ห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ และกำหนดให้เด็กที่มีความพิการได้รับการศึกษาอย่างเป็นธรรม เธอกล่าวอีกว่า การสอบสวนจะเน้นในเรื่องที่ว่านักเรียนที่มีความทุพพลภาพซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยที่รุนแรงจากโควิด-19 จะถูกจำกัดไม่ให้สามารถกลับไปศึกษาต่อที่โรงเรียนได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง

คณะบริหารของประธานาธิบดี Joe Biden กล่าวว่า พวกเขาจะต่อสู้กับความพยายามของฝ่ายนิติบัญญัติของพรรครีพับลิกันในการต่อต้านการการสวมหน้ากากในโรงเรียน บรรดาผู้ที่ขัดต่อข้อกำหนดดังกล่าวกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเสรีภาพส่วนบุคคล และแย้งว่า ควรขึ้นอยู่กับผู้ปกครองและบุคคลนั้น ๆ ที่จะตัดสินใจว่าจะสวมหน้ากากหรือไม่

ในรัฐเทนเนสซี ผู้ว่าการรัฐ สังกัดพรรครีพับลิกัน Bill Lee ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ให้ผู้ปกครองสามารถเลือกที่จะไม่ปฏิตามข้อกำหนดใด ๆ ที่ให้เด็กสวมหน้ากากในโรงเรียน นับตั้งแต่นั้นมามีการดำเนินคดีทางกฎหมายสองครั้งต่อคำสั่งดังกล่าว รวมถึงคดีหนึ่งที่ระบุว่าเป็นการละเมิดกฏหมายว่าด้วยการไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ

นอกจากนี้ยังมีอีกสี่รัฐ ซึ่งได้แก่ แอริโซนา อาร์คันซอ ฟลอริดา และเท็กซัส ที่ได้ผ่านกฎหมายหรือลงนามในคำสั่งของผู้บริหารที่ห้ามการบังคับให้นักเรียนสวมหน้ากากในโรงเรียน แต่รัฐเหล่านี้ไม่ได้ถูกสอบสวน เนื่องจากคำสั่งศาลได้ปิดกั้นคำสั่งห้ามดังกล่าวไปแล้ว

ที่รัฐฟลอริดา ศาลตัดสินเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมว่าสถานศึกษาต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องปฏิตามคำสั่งของผู้ว่าการรัฐ และกำหนดให้นักเรียนสวมหน้ากากมาโรงเรียนได้

Ron DeSantis ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา กล่าวว่า การสวมหน้ากากควรขึ้นอยู่กับพ่อแม่ ไม่ใช่รัฐบาล และว่าการสวมหน้ากากเป็นการปิดกั้นความสามารถของเด็กในการเรียนรู้และสื่อสาร ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการรัฐฟลอริดากล่าวว่าพวกเขาจะอุทธรณ์คำตัดสินของศาลในเรื่องนี้

Dr. Rochelle Walensky ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโควิด-19 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมว่า เด็ก ๆ ควรได้กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแบบเต็มเวลาในฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยมีกลยุทธ์การป้องกันที่เหมาะสม

Walensky แนะนำให้นักเรียน ครู พนักงาน และผู้มาเยือนทุกคนสวมหน้ากากในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว หรือยังไม่ได้รับก็ตาม

ผลการศึกษาของ CDC เมื่อเร็ว ๆ นี้ ระบุว่า เนื่องจากหน่วยงานด้านสุขภาพได้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสวมหน้ากาก ผู้ปกครองจึงมีความกังวลเกี่ยวกับการเปิดทำการเรียนการสอนในโรงเรียนมากขึ้น จากการสำรวจก่อนวันที่ 27 กรกฎาคม ผู้ปกครอง 58% กล่าวว่าต้องการให้บุตรหลานกลับมาเรียนที่โรงเรียน แต่หลังจากที่มีแนวทางใหม่ในการสวมหน้ากาก ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 43%

อย่างไรก็ตาม สมาคม American Academy of Pediatrics กล่าวว่าการติดเชื้อโควิดในหมู่เด็กเพิ่มขึ้น 5 เท่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา ในตอนนี้เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปียังไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิดได้ และเด็กที่มีความทุพพลภาพและปัญหาสุขภาพบางอย่างมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโคโรนาไวรัสขั้นรุนแรงและอาจเสียชีวิตมากขึ้น

ผู้ผลิตวัคซีน Pfizer-BioNTech และ Moderna กล่าวว่าพวกเขากำลังพัฒนาวัคซีนที่มีความปลอดภัยสำหรับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ปี

Robin Lake ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิรูปการศึกษาสาธารณะ ซึ่งเป็นองค์กรที่ศึกษาแผนการเปิดโรงเรียนอีกครั้งรวมถึงนโยบายการป้องกันโคโรนาไวรัส กล่าวว่า บรรดาสถานศึกษาต่าง ๆ ควรจะมีแผนการด้านความปลอดภัยและการกักกันที่เข้มงวดเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะทุกคนน่าจะรู้ว่าการเปิดโรงเรียนใหม่อีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นเรื่องที่ยากมาก

Miguel Cardona รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า การที่ผู้นำของรัฐต่างๆ เห็นแก่เรื่องการเมืองมากกว่าสุขภาพและการศึกษาของนักเรียนที่พวกเขาได้สาบานตนที่จะทำงานเพื่อคนเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้

(ที่มา: the Associated Press)

-- advertisement --