-- advertisement --

170422 covidpedic

“..ในสหราชอาณาจักร ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าการระบาดใหญ่ของโควิดอาจจบลงแล้ว ความต้องการหน้ากากอนามัยลดลง สวัสดิการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรี จำนวนมาก เป็นเรื่องของอดีต นอกจากนี้ผู้คนสามารถเดินทางไปต่างประเทศในช่วงวันหยุดได้โดยไม่ต้องสั่งสอบหรือกรอกแบบฟอร์มที่มีความยาวหลายข้อ การดำเนินชีวิตแบบปกติก่อนการระบาด และความรู้สึกเป็นอิสระนั้นแพร่หลายมากขึ้น จากการยกเลิกมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล แม้ว่าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น..”


เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่กับเรามา มีการปรับเปลี่ยนพัฒนาแยกย่อยเป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ มากมาย ล่าสุดคือสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ด้วยความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ

แต่ขณะเดียวกันก็มีนักวิจัยบางกลุ่มมองว่า โอไมครอน อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าวิกฤติการณ์ระบาดของวิด อาจจะใกล้เดินทางมาถึงจุดจบแล้ว เพราะการติดเชื้อที่มีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว และส่วนใหญ่เมื่อติดเชื้อแล้ว อาการไม่รุนแรง อีกทั้งผู้คนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในสังคม และโรคโควิด-19 ก็จะกลายเป็นโรคเฉพาะถิ่นหรือประจำฤดูกาล

หลายประเทศทั่วโลกจึงได้มีการเปลี่ยนแผนรับมือ และปรับมาตรการจากการ ‘ป้องกัน’ ไปสู่การ ‘อยู่ร่วม’ กับโควิด-19 โดยได้ยกเลิกมาตรการทางสังคมต่างๆ รวมถึงการปรับแผนการรักษาอีกด้วย

  • ส่องสถานการณ์นานาประเทศ ‘คลายมาตรการ-เลิกข้อจำกัดปลดล็อกโควิด-19’

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รวมรวมรายละเอียดจากนานาประเทศทั่วโลก มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

อังกฤษ

ในสหราชอาณาจักร ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าการระบาดใหญ่ของโควิดอาจจบลงแล้ว ความต้องการหน้ากากอนามัยลดลง สวัสดิการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรี จำนวนมาก เป็นเรื่องของอดีต นอกจากนี้ผู้คนสามารถเดินทางไปต่างประเทศในช่วงวันหยุดได้โดยไม่ต้องสั่งสอบหรือกรอกแบบฟอร์มที่มีความยาวหลายข้อ

การดำเนินชีวิตแบบปกติก่อนการระบาด และความรู้สึกเป็นอิสระนั้นแพร่หลายมากขึ้น จากการยกเลิกมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล แม้ว่าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น โดยมีปัจจัยจากเชื้อโอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่ความรุนแรงของโรคเบากว่า แต่แพร่เชื้อได้ดีกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม

รัฐบาลอังกฤษยกเลิกข้อกำหนดทางกฎหมายในการกักตัว หลังจากมีผลตรวจโควิดเป็นบวก ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ต้องตรวจผลทุกวันเป็นเวลา 7 วัน และยกเลิกข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ

นอกจากนี้ ยังยุติการจ่ายเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่แยกกักตัว และงบประมาณของประเทศในการสนับสนุนการปฏิบัติงาน จะไม่มีบริการจัดส่งยา ส่วนผู้ที่ได้รับค าสั่งให้กักตัวเองก่อนวันที่นี้ จะยังสามารถเรียกร้องเงินสนับสนุนภายใน 42 วัน พร้อมทั้งเพิกถอน ข้อบังคับการคุ้มครองสุขภาพ (ไวรัสโคโรนา, ข้อจำกัด) (อังกฤษ) ฉบับที่ 3

ทั้งนี้ หน่วยงานท้องถิ่นจะยังคงจัดการการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่นเดียวกับโรคติดต่ออื่นๆ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการตรวจเชื้อ โดยไม่ต้องตรวจโควิด-19 ก่อนเดินทางหรือหลังเดินทาง ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มระบุตำแหน่งของสหราชอาณาจักร และ ไม่ต้องกักตัวเมื่อมาถึง

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ออกแผน ‘Living with COVID’ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยระบุว่าหากตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด ไม่จำเป็นต้องกักตัวตามกฎหมายอีกต่อไป แต่แนะนำให้อยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้อื่นอย่างน้อย 5 วัน ไม่จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอีกต่อไป ยังคงมีความจำเป็นในสถานพยาบาล เช่น การผ่าตัด GP โรงพยาบาล และสถานดูแลผู้ป่วย

สหราชอาณาจักรมีความโดดเด่นในยุโรป เนื่องจากได้ยกเลิกนโยบายบรรเทาผลกระทบทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งรวมถึงการแยกตนเองที่ได้รับคำสั่งจากผู้ติดเชื้อ รัฐบาลอนุรักษ์นิยมของ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นที่จะยึดมั่นในแผน ‘การใช้ชีวิตร่วมกับโควิด’ โดยนักวิทยาศาสตร์บางรายกล่าวสับสนุนว่า เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะยอมรับว่า ‘การใช้ชีวิตร่วมกับโควิด’ หมายถึงการอดทนต่อการหยุดชะงักและการเสียชีวิตในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับที่เราทำกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มกลับไม่เห็นด้วย โดยเชื่อว่ารัฐบาลของสหราชอาณาจักรยกเลิกข้อจำกัดเร็วเกินไปและเร็วเกินไป

นายสตีเฟน พาววิส ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติอังกฤษ หรือ เอ็นเอชเอส (National Health Service) กล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้คนที่มีอายุมากกว่า 55 ปี ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะป่วยหนักจากโควิดมากที่สุด กำลังติดเชื้อแม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนในระดับสูง

160422 covidpandemic1

สวิสเซอร์แลนด์

รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการเกี่ยวกับโควิด ตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เช่น ไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารรับรองโควิดที่รับรองโดยรัฐบาล สำหรับเพื่อการท่องเที่ยวหากจะเข้าบาร์ ร้านอาหาร หรือสถานที่จัดงานในสถานที่ เช่น อุปกรณ์กีฬา โรงภาพยนตร์ หรือสถานที่จัดคอนเสิร์ต และไม่จำกัดจำนวนการรวมกลุ่ม หรืออีเว้นต์ขนาดใหญ่ และไม่ต้องยื่นขออนุญาตอีกต่อไป

รวมถึงไม่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียน ร้านค้า คอนเสิร์ตฮอล์ หรือที่ทำงานอีกต่อไป แต่ต้องสวมเมื่ออยู่ขนส่งสาธารณะและสถานที่พยาบาล

แต่ยังบังคับให้แยกผู้ป่วยที่มีผลตรวจเป็นบวกเป็นเวลา 5 วัน มีผลจนถึงเดือนมีนาคม พร้อมทั้งแนะนะให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเริ่มด้วยกลุ่มที่เปราะบางที่สุด สำหรับทุกคนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ด้วยวัคซีนชนิด mRNA : Pfizer/BioNTech

สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปและกลับจากสวิตเซอร์แลนด์ ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอีกต่อไป ยกระดับมาตรการการเข้าประเทศ โดยไม่เปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องสำหรับพลเมืองของประเทศที่สาม

เมื่อเข้าสู่สวิตเซอร์แลนด์ ทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะต้องแสดงผลตรวจ PCR ที่เป็นลบ (ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าประเทศ) หรือ การตรวจแอนติเจนอย่างรวดเร็ว (ไม่เกิน 24ชั่วโมงก่อนหน้านี้) หากใครที่ไม่สามารถแสดงผลตรวจที่เป็นลบได้ ต้องตรวจหาเชื้อทันทีเมื่อเดินทางมาถึง

สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนหรือหายป่วยจากโควิดจะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดในการทดสอบและกักกัน เมื่อเข้าสู่สวิตเซอร์แลนด์ เว้นแต่จะเดินทางจากพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาก

ไต้หวัน

รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตราการการสวมหน้ากากอนามัย ตั้งแต่วันที่ 1-30 มีนาคม ผู้คนไม่ต้องสวมหน้ากาก เมื่อขับรถคนเดียวหรือกับสมาชิกในครอบครัวในรถ หรือแม้แต่การออกกำลังกายหรือถ่ายภาพบุคคลหรือกลุ่ม ทั้งในร่มและกลางแจ้ง

อีกทั้งได้ยกเลิกการห้ามรับประทานอาหารบนรถไฟ รถโดยสารระหว่างเมือง เรือข้ามฟาก และเที่ยวบิน ในท้องถิ่น รวมถึงการห้ามสุ่มเลือกอาหารที่ตลาด

นอกจากนี้ อนุญาตให้สามารถเข้าเยี่ยมผู้ปุวยในสถานพยาบาลและที่พักระยะยาวได้ทั่วประเทศไต้หวัน ยกเว้นในไทเป นิวไทเป เถาหยวน และเกาสง ผู้เดินทางไปยังเขตนอกชายฝั่งของเกาะ ไม่ต้องตรวจ Rapid Test เกี่ยวกับโควิด-19 อีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม ไต้หวันได้ปรับลดระยะเวลากักกันที่บ้าน สำหรับผู้ที่เดินทางมาถึงทั้งหมด รวมถึงผู้ติดต่อใกล้ชิดของผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจาก 14 เป็น 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม

สำหรับผู้เดินทางเพื่อธุรกิจที่ไม่ใช่ผู้มีถิ่นที่อยู่ จะสามารถสมัครเข้าประเทศไต้หวัน ได้ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น การทำสัญญาทางธุรกิจและการลงทุน

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้มีปรับข้อบังคับเกี่ยวกับการสวมหน้ากาก ว่า การสวมหน้ากากในที่สาธารณะในร่มเป็นข้อบังคับ ส่วนพื้นที่กลางแจ้งเป็นทางเลือก และได้ยกเลิกการกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการที่เกี่ยวข้องกับโควิด ในนครดูไบอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เดินทางมายังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยังต้องแสดง QR code ที่ได้รับอนุมัติ พร้อมใบรับรองการฉีดวัคซีน Covid-19 ที่มี QR Code

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนต้องแสดงผลการทดสอบ PCR ที่มีผลเป็นลบ ภายใน 48 ชั่วโมง หรือใบรับรองจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มาพร้อมรหัส QR ที่ได้รับภายใน 1 เดือน นับจากวันที่เดินทาง

160422 covidpandemic4

เกาหลีใต้

ทางการเกาหลีตัดสินใจระงับการผ่านวัคซีนบังคับเพื่อเข้าสู่สถานที่สาธารณะ ขยายเวลาและผ่อนคลายมาตรการ Social Distancing เล็กน้อย จนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2565

โดยก่อนหน้านี้ ก่อนวันที่ 2 ธันวาคม 2564 มีการใช้มาตรการภายใต้แผน ‘อยู่ร่วมกับโควิด’ ระยะที่ 1 ปัจจุบันมีมาตรการทั่วประเทศ ดังนี้

  • บัตรผ่านวัคซีน

ไม่บังคับเพื่อเข้าไปในสถานที่สาธารณะอีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม

  • งานเลี้ยงส่วนตัว

อนุญาตสูงสุด 8 คน ก่อนหน้านี้สูงสุด 6 คน

  • ข้อจำกัดชั่วโมงทำการสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกเอนกประสงค์

เคอร์ฟิวเวลา 23.00 น. สำหรับสถานบันเทิง ร้านอาหาร ห้องคาราโอเกะ อ่างอาบน้ำ/ซาวน่า เป็นต้น

  • งานใหญ่และงานชุมนุม 

โดยอนุญาตให้จัดงานและการชุมนุมได้มากถึง 49 คน โดยไม่จำกัดการฉีดวัคซีน และอนุญาตให้มากถึง 299 คน หากประกอบด้วยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วเท่านั้น

สำหรับการจัดงานตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป (เช่น สถานที่จัดงานที่ไม่ปกติ การแข่งขันกีฬาเทศกาล) ได้รับอนุญาตภายใต้การอนุมัติของสถาบันที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามจะไม่มีการอนุมัติให้ยกเว้นกิจกรรมที่จำเป็นจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2565

ปรับความจุเป็น 2/3 สำหรับทุกโรงเรียน ในเขตมหานครโซลและโรงเรียนที่แออัดในเขตที่ไม่ใช่มหานคร ความจุให้ปรับได้ตามภูมิภาค/โรงเรียน โดยพิจารณาจากสถานการณ์การติดเชื้อในพื้นที่ ฯลฯ

ปรับความจุเป็น 5/6 สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา (รวมเกรด 1 และ 2), 2/3 สำหรับโรงเรียนระดับกลางและระดับสูง เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564

และการดำเนินงานตามปกติ สำหรับเด็กก่อนวัยเรียน โรงเรียนพิเศษ ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก

  • สถานที่ทำงาน

ปรับชั่วโมงการทำงานให้สามารถยืดหยุ่นได้ (การเดินทางไกล), ช่วงพักกลางวันสามารถยืดหยุ่นได้, การประชุมออนไลน์

นอกจากนี้ ได้ปรับหลักเกณฑ์การดูแลรักษากรณีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก หากมีอาการไม่รุนแรงจะได้รับการดูแลผู้ป่วยนอก และสามารถเลือกที่จะอยู่บ้าน เพื่อรับการรักษาได้ แต่จะถูกแยกออกเป็นเวลา 7 วัน (ลดลงจาก 10 วัน) และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะต้องกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 7 วันเช่นกัน สำหรับผู้ป่วยที่แสดงอาการปานกลางถึงรุนแรงเข้ารักษาในโรงพยาบาลโรคติดเชื้อ ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมเป็นต้นไป

ทั้งหมดนี้คือ สถานการณ์การยกเลิกมาตรการในต่างประเทศที่เตรียมรับมือเพื่ออยู่ร่วมกับโควิด-19 จะต้องตามดูต่อไปว่าเมื่อไหร่จะถึงจุดจบของวิกฤติโรคระบาดนี้สักที

อ้างอิง: Living With COVID: Experts Divided on UK Plan as Cases Soar

ภาพประกอบ: AP

-- advertisement --