-- advertisement --

หลังเกาหลีได้ปฏิรูประบบการศึกษาครั้งใหญ่ในปี 1995 ได้ผลสำเร็จเกินคาด สามารถพาระบบการศึกษาของประเทศพุ่งขึ้นมาติดอันดับหนึ่งของโลกคู่กับประเทศฟินแลนด์มาหลายปีติดต่อกัน ทั้งสองประเทศนี้มีจุดสำคัญที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ คุณครู ที่มีคุณภาพสูงมาก นักศึกษาที่เรียนดีอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศจะภาคภูมิใจมากหากได้รับเลือกเข้าเป็นครูในโรงเรียนในทุกระดับ นี่ไม่ใช่แค่เพราะจะได้รับการเคารพยกย่องจากสังคมเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือรายได้ของครูจะอยู่ในอันดับสูงระดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว

ที่เปิดหัวเรื่องวันนี้ด้วย เรื่องคุณครูที่เกาหลีก็เพราะช่วง Work from Home นี้ ผมได้มีโอกาสดูซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง โรงเรียนกฎหมาย (Law School) เป็นหนังซีรี่ส์ 16 ตอนฉายในบริการภาพยนตร์ออนไลน์ Netflix หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของการเรียนการสอนของอาจารย์ชื่อ ยังจงฮุน ที่นักศึกษาให้สมญานามว่า อาจารย์ “ยังเครติส” เพราะอาจารย์จะใช้วิธีตั้งคำถาม แล้วให้นักศึกษาโต้ตอบ แบบวิธีการสอนของ โสเครติส (Socrates) ที่มีชื่อเสียงมากในสมัยกรีกโบราณ

ฉากแรกเริ่มด้วยอาจารย์ยังจงฮุนเข้ามาในห้องเลคเชอร์ใหญ่ แล้วเริ่มตั้งคำถาม ซึ่งนักศึกษาต่างก็รีบก้มหน้ากลัวอาจารย์จะสบตาแล้วเรียกให้ตอบ พฤติกรรมแบบนี้คล้ายๆ กับนักศึกษาไทยเลย

แต่พฤติการณ์นี้จะค่อยๆ ถูกเปลี่ยนไปในตอนท้ายๆ เรื่อง

ในวิธีเรียนวิชานิติศาสตร์ ทุกมหาวิทยาลัยจะมีศาลจำลอง ทำเป็นห้องเลียนแบบให้เหมือนห้องพิจารณาคดีของจริง แล้วให้นักศึกษาสมมุติตนเองเป็นฝ่ายต่างๆ ในศาล มีครบทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย มีอัยการและทนายและมีผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดีด้วย ฉากในหนังเรื่องนี้ห้องศาลจำลองทำใหญ่กว่า หรูกว่าห้องพิจารณาคดีจริงๆ ของศาลไทยบางแห่งเสียด้วยซ้ำ

เราจึงได้เห็นฉากทั้งที่เป็นการเรียนในห้องเรียนของนักศึกษาที่ถกเถียงโต้ตอบกันเองและกับอาจารย์โดยการอ้างอิงหลักการและหลักกฎหมายที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด ใช้ปัญญาและความรู้มาถกเถียงกัน ที่มิใช่การใช้โวหารและคำพูดเชือดเฉือนกันด้วยอารมณ์เหมือนการอภิปรายส่วนใหญ่ในรัฐสภาของเรา ทั้งยังจะได้เห็นนักศึกษาจัดทีมออกไปแข่งขันในห้องศาลจริงที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งจัดขึ้นทุกปีเป็นการสนับสนุนการศึกษาด้านนิติศาสตร์ในประเทศเขา

ซีรี่ส์ชุดนี้ ทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินสนุกสนานไปกับการติดตามดูจนจบ 16 ตอนได้ ด้วยการให้มีคดีฆาตกรรมอาจารย์ผู้ใหญ่ เกิดขึ้นในโรงเรียนกฎหมายแห่งนี้ และผู้ที่ตกเป็นจำเลยคนสำคัญก็คือ อาจารย์ยังจงฮุน นี่เอง

แม้อาจารย์ยังจงฮุน ซึ่งเคยทำงานเป็นอัยการมาก่อน จะได้ใช้ประสบการณ์และความรู้เรื่องกฎหมายมาปกป้องตนเองสุดขีด แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคด้วยอิทธิพลการเมืองที่สามารถใช้อำนาจลงมาถึงอัยการและตำรวจในการทำคดีนี้ได้ เช่น วิธีที่ตำรวจสามารถเก็บและเลือกไม่เก็บหลักฐานมาประกอบคดีที่จะสามารถพลิกคดีหน้ามือเป็นหลังมือได้ง่ายๆ หรือ ตัวอย่างวิธีที่อัยการสามารถร่วมมือกับตำรวจในการพลิกคดีได้อย่างไรบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะมาบังเอิญคล้ายๆ กับเรื่องจริงในสถานการณ์กระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ของบ้านเราได้

ที่สำคัญ ดูแล้วจะเห็นตัวอย่างว่านักการเมืองระดับสูงในเรื่องนี้ ที่เป็นถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ใช้อิทธิพล ใช้เงิน ใช้วิธีการข่มขู่ และอื่นๆ ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งก็บังเอิญไปตรงกับเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกอย่างหนึ่งด้วย

สุดท้ายเราจะได้ดูหนังสนุก ดูตัวอย่างอาจารย์ที่สอนสนุก และวิธีสอนที่ทำให้นักศึกษามีส่วนร่วมคิดร่วมวิเคราะห์และกล้าแสดงออกได้

ขอแนะนำครูอาจารย์แนะนำให้นิสิต นักศึกษา ไปดูหนังชุดนี้ แล้วมาดูว่าพฤติกรรมการกล้าถามกล้าตอบของนักศึกษาในห้องจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ และมาดูว่าหลังจากดูหนังเรื่องนี้แล้วนิสิตนักศึกษาสามารถโต้แย้งกันเองโดยใช้เหตุผล และการอ้างอิง ได้ดีขึ้นไหม

ที่สำคัญมาดูว่า นักศึกษาจะรู้เท่าทันการกระทำทุจริตต่างๆ โดยอาศัยหลักฐานข้อมูลที่สืบค้นได้มากขึ้นในปัจจุบันจากฐานข้อมูลต่างๆ เช่น ACTAi (www.actai.co) ที่สร้างผลงานการค้นพบโครงการเสาไฟกินรีจำนวนหลายพันต้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือ โครงการขนาดใหญ่อื่นๆ มาหลายกรณีแล้ว หรือฐานข้อมูลนักการเมืองอย่าง They work for us (https://theyworkforus.elect.in.th/) ที่เก็บข้อมูลต่างๆของนักการเมืองและการตัดสินใจลงมติต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วนไม่ให้ประชาชนอย่างเราหลงลืมกันง่ายๆ

นับเป็นโอกาสดีที่วันนี้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดงาน ACTkathon ขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกวันทุกพื้นที่ ที่มีความสนใจแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันด้วยการสร้างกลไกรัฐเปิดเผย นำข้อมูลเปิดต่างๆ ของหน่วยงานรัฐ ที่องค์กรฯ ไปสรรหามาให้มาสร้างเป็นเครื่องมือต้านโกงสร้างความโปร่งใส เสริมธรรมาภิบาลในสังคมอย่างหลากหลาย จึงเชิญชวนให้ทุกท่านไปสมัครร่วมงานนี้ได้ที่ https://actkathon.actai.co/ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 ก.ค. นี้เลยนะครับ

ได้เรียนรู้แบบเกาหลีแบบนี้แล้ว หวังว่าเราจะได้คนรุ่นใหม่ที่สมองจะไวขึ้น จับภัยโกงได้ดีขึ้นเพื่อสังคมไทยที่โปร่งใสขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ครับ

รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค

-- advertisement --