-- advertisement --

วันนี้, 18:00น.


          สถานการณ์วัคซีนในประเทศไทย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้มีวัคซีนเข้าไทยค่อนข้างมาก ในสัปดาห์หน้าจะมีแอสตร้าเซนเนก้าส่งมอบให้ไทยอีก 2 ล้านโดส ซึ่งขณะนี้มีการส่งมอบแล้วมากกว่า 35 ล้านโดส ซึ่งการส่งมอบวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน อีกทั้งปลายเดือนนี้ยอดการส่ง 61 ล้านโดสนั้น ทางบริษัทยืนยันกับไทยว่าจะจัดส่งครบอย่างแน่นอน


          ส่วนไฟเซอร์ ที่มียอดการส่งวัคซีนปีนี้ 60 ล้านโดสนั้น ยอดการฉีดปัจจุบันมีประมาณ 6-8 ล้านโดสแล้ว โดยในช่วงกลางสัปดาห์หน้าจะมีไฟเซอร์เข้ามาอีก 6 ล้านโดส ดังนั้นรวม 2 วัคซีน จะมีเข้ามา 8 ล้านโดส


          นอกจากนี้ยังได้รับการประสานจากประเทศจีน แจ้งว่าจะบริจาควัคซีนซิโนแวคให้ไทยอีก 1.5 ล้านโดส ยืนยันว่าสัปดาห์หน้า ไทยจะมีวัคซีนเพียงพอ จึงขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มที่ 1,2 หรือ 3 ขอให้ไปติดต่อขอจองการฉีดวัคซีนได้ ตามจุดที่มีการเปิดรับจอง หรือที่ไหนมีความพร้อมในการฉีดวัคซีน ก็สามารถไปติดต่อได้ ส่วนกรุงเทพฯ มีจุดฉีดวัคซีนหลายจุด เช่น สถานีกลางบางซื่อ นอกจากนี้ทางกรมการแพทย์จะมีการเปิดอีกหลายจุด โดยจะมีการประกาศเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จึงขอให้รอฟังรายละเอียดในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง


          ส่วนยอดคงเหลือของวัคซีนซิโนแวค ทั้งประเทศ มีเหลืออยู่ประมาณ 2 ล้านโดส โดยกำลังเตรียมการเพื่อให้ประชาชนฉีดได้ต่อไป


          สำหรับประสิทธิภาพวัคซีนจากผลการศึกษาวัคซีนในการป้องกันโรค มีการศึกษาประสิทธิผลจากการปฏิบัติจริงของผู้ที่รับบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นผลเมื่อเดือนก.ย. 64 จากการศึกษา ข้อมูลพบว่า วัคซีนที่ฉีดในกรุงเทพมหานคร สูตรแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม พบระดับภูมิคุ้มกันและการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ประมาณ 50%

          ส่วนผลการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันในผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็ม 1 แอสตร้าเซนเนก้าเข็ม2 พบว่าระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ประมาณ 70% ซึ่งพบว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้สามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากกว่า อีกทั้งยังสามารถฉีดได้เร็วมากขึ้นภายในระยะเวลาห่างเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น  


          ส่วนการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าทั้ง 2 เข็ม จะต้องทิ้งระยะห่างนานถึง 12 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า วัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค+แอสตร้าเซนเนก้าค่อนข้างมีประสิทธิภาพการป้องกันอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโรคที่ระบุว่า หากวัคซีนสามารถป้องกันโรคได้ตั้งแต่ 50 % ก็ถือว่าอยู่ในมาตรฐานที่จะใช้ป้องกันโควิด-19 ได้


          สำหรับมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้มีมติเห็นชอบ การฉีดวัคซีนเข้าในชั้นผิวหนัง แนะนำให้ใช้เฉพาะกรณีที่มีปริมาณวัคซีนจำกัด ซึ่งข้อดีของการฉีดวัคซีนเข้าใต้ชิ้นผิวหนัง คือ ลดปริมาณวัคซีนที่ใช้ลงได้ รวมทั้งยังมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีนเข้าในกล้ามเนื้อแขนซ้าย หรือขวาที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน


          ด้านแนวทางการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาด โดยในที่ประชุมมีการหารือและได้ข้อสรุปว่า สามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ได้ เนื่องจากวัคซีนโควิด-19ค่อนข้างมีความปลอดภัย



#วัคซีนโควิด19


#จีนบริจาคซิโนแวคเพิ่ม

ข่าวทั้งหมด


-- advertisement --