‘ฟิเดลรามอส’ถึงแก่อสัญกรรม

ฟิเดล รามอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันอาทิตย์ด้วยวัย 94 ปี จากการแถลงของโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เผยว่าสมัยที่เป็นนายทหารเขามีบทบาทสำคัญในการร่วมกับประชาชนขับไล่ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอสออกจากประเทศ รามอสได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีต่อจากคอราซอน อากีโน

          สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า ฟิเดล รามอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันอาทิตย์ด้วยวัย 94 ปี

          ทริกซี ครูซ อังเฆเลส โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์แถลงในวันเดียวกันว่า ด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่งที่เราได้รับแจ้งการถึงแก่อสัญกรรมของฟิเดล วี. รามอส อดีตประธานาธิบดี

          รามอสดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนที่ 12 ระหว่างปี 2535-2541 ขณะเป็นผู้นำประเทศ มักจะเห็นภาพของเขาคาบซิการ์ที่ยังไม่ได้สูบ เขาจบการศึกษาที่เวสต์พอยต์หรือโรงเรียนนายร้อยทหารบกของสหรัฐ และรับราชการทหารอย่างยาวนาน เข้าร่วมรบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และไปรบในสงครามเกาหลี

          รามอสช่วงเป็นนายทหารที่มีบทบาทร่วมเคลื่อนไหวในขบวนการปฏิวัติประชาชนเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส หลังเกิดกรณีลอบสังหารเบนิกโน อากีโน ผู้นำฝ่ายค้านฟิลิปปินส์ จนนำไปสู่การชุมนุมของประชาชนหลายล้านคนบนท้องถนนเพื่อขับไล่มาร์กอส นำทางสู่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของคอราซอน อากีโน

          ในสมัยรัฐบาลของคอราซอน อากีโน รามอสดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารและต่อมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม

          รามอสลงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2535 โดยได้รับการสนับสนุนจากอากีโน เขาเป็นประธานาธิบดีที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ ในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือนิกายคาทอลิก และเมื่อเป็นผู้นำประเทศ เขาผลักดันนโยบายเรื่องการวางแผนครอบครัว

          ขณะเป็นประธานาธิบดี เขาสามารถแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานของประเทศ และยกเลิกระบบการผูกขาดในกิจการด้านโทรคมนาคม, การบิน และการขนส่งทางเรือ และทำให้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของฟิลิปปินส์เติบโต

          เขามีผลงานสร้างสันติภาพกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์, กลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดน และทหารที่วางแผนจะก่อรัฐประหาร

          รามอสเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของฟิลิปปินส์ที่สนับสนุนโรดริโก ดูเตร์เต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559 หลังดูเตร์เตชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย รามอสได้รับมอบหมายเป็นทูตพิเศษของฟิลิปปินส์ เดินทางไปกรุงปักกิ่งเพื่อลดความตึงเครียดต่อกรณีพิพาทระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนในเรื่องทะเลจีนใต้

          แต่ต่อมารามอสได้วิจารณ์ดูเตร์เตหลายเรื่อง ทั้งเรื่อองการพูดสบถหยาบคาย, การถอยห่างจากการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ และสงครามยาเสพติดของดูเตร์เตที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน.