13 พฤษภาคม 2564 | โดย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
385
ทำความรู้จัก “โมเดอร์นา” วัคซีนสกัดโควิด-19 ลำดับ 4 ของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนจาก อย.
ภายหลังคณะกรรมการอาหารและยา ได้ลงนามในใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบัน ชื่อยา โมเดอร์นา วัคซีนโควิด-19 “วัคซีนโมเดอร์นา” (Moderna) โดยจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ โดยรับการขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้แล้วเมื่อ 13 พ.ค. 2564 และใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยานี้มีอายุจนถึง 12 พ.ค 2565
“วัคซีนโมเดอร์นา” (Moderna) นับเป็นวัคซีนโควิด -19 ตัวที่ 4 ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย ต่อจาก ซิโนแวค, แอสตร้าเซนเนก้า และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
ด้าน ดร.ภก.นรภัทร ปีสิริกานต์ รกน.ผอก.ผลิตวัคซีนจากไวรัส องค์การเภสัชกรรม โพสต์เฟสบุ๊ก Norapath Tong Pesirikan ระบุถึง โมเดอร์นา บริษัทสตาร์ทอัพ สัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งมาเพียง 11 ปี แต่สามารถผลักดันวัคซีนตัวแรกของบริษัท mRNA-1273 ออกมาได้สำเร็จ
สำหรับข้อดี-ข้อเสียของวัคซีนตัวนี้ สามารถสรุปได้ดังนี้
1. เป็นวัคซีนที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงเกินกว่าภูมิต้านทานจากพลาสมาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 3.4 เท่า พร้อมตัวเลขประสิทธิผลการทดสอบเฟส 3 สูงถึง 94.1% พอๆกับกับวัคซีนโนวาแวค และไฟเซอร์ (ไม่ได้ศึกษาในเวลาเดียวกัน)
2. เมื่อฉีดวัคซีนเข็มที่สองไปแล้ว 14 วัน
– ป้องกันการติดโรคได้ 94.1% ในประชากรทั่วไป
– ป้องกันการติดโรคได้ 86.4% ในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
– ลดความรุนแรงของโรค 100%
– ลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19 ได้ 100%
– จากข้อมูลทางห้องปฏิบัติการล่าสุด พบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับที่สูงพอที่จะยับยั้งสายพันธุ์ B.1.17 จากอังกฤษ และ B.1.351 จาก south Africa
3. ข้อมูลด้านความปลอดภัย จากกลุ่มประชากรวิจัย 15,000 คน ดังต่อไปนี้
- วัคซีนมีอาการข้างเคียงที่ยอมรับได้ เช่น อาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง และสามารถหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วัน
- จากฐานข้อมูล CDC ประเทศสหรัฐอเมริกา พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ทั่วไปประมาณ 0.03% ของประชากร
- โอกาสแพ้ยาแบบรุนแรง ประมาณ 2.5 : 1,000,000 คน
4. ข้อมูลความคงตัว ปัจจุบันสามารถอยู่ในตู้เย็น 2-8 องศา ได้ 30 วัน และในตู้เย็น -20 องศา 6 เดือน
5. ปัจจุบันโมเดอร์น่าได้ submit ข้อมูลการศึกษา CT2/3 ในชื่อ “TeenCOVE” ในวัยรุ่น 12-17 ปีเรียบร้อยแล้ว และกำลังทดสอบ CT2 ในชื่อ “KidCOVE” ในเด็ก 6 เดือน-11 ปี
6. และในอนาคตได้เตรียม gen 2 ในชื่อ mRNA-1283 ซึ่งนอกจากจะคงตัวในอุณหภูมิตู้เย็นดีขึ้นแล้ว ยังมีความจำเพาะดีขึ้นต่อตัวรับของไวรัสอีกด้วย รวมทั้ง mRNA-1273.351 ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อต่อต้านสายพันธุ์อัฟริกาใต้โดยตรง แต่การฉีด booster ในปีหน้าจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องรอดูผลการทดสอบในมนุษย์อีกครั้ง
ดร.ภก.นรภัทร ยังระบุอีกว่า ตามมติที่ประชุม จะเป็นวัคซีนโควิดตัวแรกที่เป็นวัคซีนทางเลือกสำหรับรพ เอกชน รวมทั้ง องค์กร, ชาวต่างชาติ และประชาชนที่สนใจ
ทั้งนี้ทะเบียนวัคซีนได้รับมาแล้วก็จริง แต่กว่าวัคซีนจะเข้ามาใช้ในไทยจริงก็ไตรมาส 4 ดังนั้นประชาชนควรรับวัคซีนตามแผนการกระจายวัคซีนของภาครัฐ ด้วยแอสตราเซเนกา หรือซิโนแวค ไปก่อนให้เร็วที่สุด
นอกจากนั้น โมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (5 พ.ค.) เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในระหว่างทดลองทางคลินิกขณะนี้ว่า วัคซีนโมเดอร์นาสำหรับฉีดกระตุ้น (booster shot) เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 สามารถเสริมสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ B.1.351 และ P.1 ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ และบราซิลตามลำดับ
โมเดอร์นา ระบุถึงผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนว่ามีอาการเหมือนกับการฉีดวัคซีนโดสที่สองตามที่มีการรายงานในผลการศึกษาก่อนหน้านี้ โดยอาการดังกล่าวได้แก่ การเจ็บปวดบริเวณจุดที่ฉีดวัคซีน, เหนื่อยล้า, ปวดศีรษะ รวมถึงการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ
ข้อมูลชุดใหม่ดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกมา หลังจากที่บรรดาผู้ผลิตวัคซีน และนักวิทยาศาสตร์ออกมาระบุถึงแนวโน้มที่ประชาชนจะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น รวมถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มเติมทุกปี เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดตามฤดูกาล