ชี้มาช่วยกันด้วยใจ ห่วงกระทบตบเท้าลาออก จะทำสภามหา’ลัยสุญญากาศ กระทบการบริหารงาน ยื่นหนังสือถึงท่านประธานขอให้ทบทวน
นายวิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน ในฐานะประธานที่ประชุม 9 อธิการบดี มทร. เปิดเผยหลังประชุม9อธิการบดี มทร.ว่า ที่ประชุมได้หยิบยกกรณีที่ ป.ป.ช.ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา102พ.ศ.2561 ขึ้นมาพิจารณา โดยอธิการบดีแต่ละแห่งเป็นห่วงต่อกรณีที่ ป.ป.ช.กำหนดให้นายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมถึงคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้นายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัย สายผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง มทร.แต่ละแห่งมี 15คน ส่วนใหญ่มาจากภาคเอกชน ต่างแสดงความจำนงที่จะขอลาออกจากการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย
เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะต้องมายื่นบัญชีทรัพย์สิน เพราะการเข้ามานั่งนายกสภา หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยเข้ามาด้วยใจ ไม่ได้มีผลประโยชน์ และที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากว่ามหาวิทยาลัยจะทาบทามขอให้ผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้เข้ามาช่วยงานมหาวิทยาลัย ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก และบุคคลเหล่านี้ก็เข้ามาช่วยงานด้วยความเสียสละ มีค่าตอบแทนเบี้ยประชุมในแต่ละครั้งไม่มาก หากแต่ละคนต้องลาออกไปเพียงเพราะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และที่ประชุม9อธิการบดี มทร.เองก็เกรงว่าหากนายกสภา หรือกรรมการสภาต่างตบเท้าลาออก สภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะกลายเป็นสุญญากาศไม่สามารถทำงานต่อได้จะกลายเป็นปัญหาต่อการบริหารงานของมหาวิทยาลัยในที่สุด
อธิการบดี มทร.อีสานกล่าวอีกว่า ที่ประชุม9 อธิการบดี มทร.จึงมีมติให้ออกหนังสือถึงประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ทบทวนการกำหนดตำแหน่งนายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวอาจส่งผลต่อการสร้างภาระหน้าที่ให้กับนายกสภา และกรรมการสภามหาวิทยาลัย เกินสมควร จนอาจลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งนี้ ที่ประชุม9อธิการบดี มทร.ได้ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาทบทวนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอธิการบดี รองอธิการบดี และกรรมการสภามหาวิทยาลัยสายข้าราชการประจำ อีก 14 คน ยินดีที่จะยื่นบัญชีทรัพย์สินตามที่ ป.ป.ช.กำหนด