-- advertisement --

ส่วนวรัญชัย การศึกษาระดับปริญญาตรีครุศาสตร์ และเป็นอดีตครู กทม.เท่านั้น

เขาบอกไม่ใช่….

ที่ว่าเหมือน ไม่ใช่หน้าตา หรือการศึกษา

แต่หมายถึงไอคิวว่าด้วยรสนิยมทางการเมืองตะหากที่คนสองคนนี้ เหมือนโคลนนิงกันมา!!!

คือทั้งสองคน ประชาธิปไตยอยู่ในสายเลือดพอๆ กัน ในเหตุการณ์บ้านเมืองแต่ละครั้ง มีส่วนร่วมในแต่ละเหตุการณ์เหมือนๆ กัน

และเข้าได้ “ทุกสี-ทุกฝ่าย” เหมือนๆ กัน

ทางด้านการเมือง ก็ยิ่งเหมือนกัน คือทั้งสมชัยและวรัญชัย ต่างผ่านการเป็น “ส.ส.สอบตก” เหมือนๆ กัน

วรัญชัยสถิติเหนือกว่าสมชัยก็ตรงสถิติ เป็น ส.ส.สอบตกถึง ๒ ครั้ง เป็นผู้ว่าฯ กทม.สอบตกถึง ๗ ครั้่ง ส่วนสมชัยเพิ่งเป็น ส.ส.สอบตกครั้่งเดียว!

จะต่างในความเหมือนอยู่บ้าง ก็ตรงบทบาทวรัญชัยถนัดตำแหน่งวอลเปเปอร์

ส่วนสมชัยตำแหน่งถนัดคือ “คอมเมนเตเตอร์”

แต่ภาพรวม “เอนเตอร์เทน” แก่ผู้ชม ผู้ฟัง เหมือนๆ กัน

แต่สมชัยจะภูมิแน่นกว่า….

คือเด่นทางรับเชิญให้ความรู้ทางด้านกฎกติกาเลือกตั้ง และทาง “จับผิด-จับถูก” การเมืองฝ่ายตรงข้าม

ด้านวรัญชัยเหนือกว่า ตรง “ไม่พล่าม” เท่านั้่นแหละ

ส่วน “มาตรฐานทางความน่าเชื่อถือ”

ต้องบอกว่า “กินกันไม่ลง”!

แต่ในความ “กินกันไม่ลง” นั้น สมชัยด้วยเกรดระดับรองศาสตราจารย์ ทางสื่อจะได้เครดิตสมชัยเหนือกว่าวรัญชัย

เพราะบทบาทวรัญชัย ไม่เคยได้ “พาดหัวยักษ์” หนังสือพิมพ์ หรือได้รับเชิญออกจอวิพากษ์เหมือนสมชัย

อย่างวานซืน ด้วยมาตรฐานสมชัย……

“ไทยรัฐ” พาดหัวข่าวยักษ์ว่า “ร้อง กกต.สอบ “เอาผิด”  รทสช.แจง ๕ ข้องานอีเวนต์เปิดตัวตู่ ทั้งขนคน-แจกของ”

“มติชน” ก็ให้น้ำหนักระดับเดียวกับไทยรัฐ

“ร้อง กกต.ฟันอีเวนต์เปิดตัวบิ๊กตู่ เข้าข่ายผิดกฎหมาย”

สมชัยบุกยื่น ๕ ประเด็นใหญ่ ชัดขนคน-จัดมหรสพ-แจก บี้สอบปราศรัยหยาบคาย”

และบ่ายวาน ได้ดูทางโทรทัศน์ช่องเนชั่นที่เขาเชิญสมชัยกับอีกท่าน..ขอโทษ ลืมชื่อ ไปพูดเรื่องเปิดตัวบิ๊กตู่เข้าข่ายผิดกฎหมายนี่แหละ

คุณสมชัยเป็นนักสืบโคนันเหมือนคุณชูวิทย์เปี๊ยบ แฝงตัวเข้าไปจับพฤติกรรมในงานเปิดตัวบิ๊กตู่ ว่าได้ทั้งเสื้อแจก มีทั้งภาพรถทัวร์ที่อ้างว่าขนคนมางาน

รายการนี้ “สมชัย” ทำแต้มนำ “พี่ศรี” ไป ๑ แต้ม!

ใครก็อย่าไปว่าสมชัยเขาเลอะเทอะ หาเหตุจ้องจับผิดแต่พรรคลุงตู่เชียวนะ

ต้องรู้ด้วย เรื่องกฎกติกาเลือกตั้่ง สมชัยเป๊ะมาก เคยเป็นเปาบุ้นจิ้น กกต.ผู้โด่งดังมาก่อน จนได้รับสมญานาม ตามผลงานว่า

“สมชัยหีบแตก”!

คงจำกันได้ เมื่อเดือนสิงหา.ปี ๕๙ สมชัยแถลงเปิดตัว “หีบบัตรลงคะแนนรุ่นใหม่” ต่อหน้าสื่อ พร้อมโอ่

“กล่องนี้ราคากล่องละ ๒๔๔ บาท รับน้ำหนักได้ถึง ๑๐๐ กก. ทนความร้อนได้ถึง ๕๐ องศาเซลเซียส ใช้งานได้ถึง ๑๐ ปี”

พร้อมโยนกล่องพลาสติกลงพื้นโชว์ความแข็ง พอโยนครั้งที่ ๔ กล่องนั้นก็แตกกลางจอโทรทัศน์ สมชัยแก้เขินว่า

“ใช้ได้ ๕ ปี ก็คุ้มค่าแล้ว”!

๕ หมื่นใบ ราคากว่า ๑๒ ล้านบาท ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่สมชัยเองทำ และสมชัยเป็นฝ่าย “จับผิด-จับถูก” อย่างที่เป็นตอนนี้

๕ หมื่นใบ ๕ ปี เท่ากับใช้เลือกตั้งได้หนเดียว ๑๒ ล้านบาท ก็กลายเป็นเศษขยะ

กกต.คนนั้น ถูกสมชัย “สวนทวาร” ตายคาดากแหง!

มาปี ๖๒ มั้ง ………

สมชัยถูกคำสั่ง คสช.ให้ยุติการทำหน้าที่ กกต. เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ตัวเองเป็น กกต. แต่คงด้วยเลือดฝ่ายประชาธิปไตยเข้มข้น เที่ยวให้สัมภาษณ์ล้นกรอบ ยังกะนักวิจารณ์หน้าจอ

แถมเป็น ๕ เสือ กกต.อยู่แท้ๆ

กลับไปสมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นเลขาฯ กกต. โดยที่้ยังไม่ลาออกจากตำแหน่ง กกต.ก่อน

เลยเจออีกดอก มีการกระทำอันถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่ตัวเองมีส่วนได้ส่วนเสีย

เพราะ “รอยแผลเก่า” ไม่ตกสะเก็ดกระมัง สมชัยจึง “ตามล้าง-ตามเช็ด” บิ๊กตู่ ชนิดไล่ตรวจเข้ม

ชนิด ขนหล่นผิดที่ซักเส้น อาจเป็นประเด็น “ใช้เวลาในราชการ” มาทำเพ่นพ่านนอกสถานที่!

ก็อยากบอกสมชัยในฐานะคนแม่กลองกับท่าฉลอม-มหาชัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักว่า

คุณค่าด้วยวิชาความรู้ในตัวเองนั้นมี

แต่ควรใช้ด้วยวิสัย “บัณฑิต”

“เลือกข้าง-เลือกฝ่าย” ไม่มีใครว่า แต่ไม่ควรเป็นดาราที่ไม่เลือกบทเล่น

การ “ฝังคิด-ฝังแค้น” ไม่ดีหรอก มีแต่ฆ่าตัว เพราะทำให้ใจคลอนแคลนจากแกนของ “เหตุและผล”

มีพระพุทธพจน์ ว่า………

“เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ, เจตยิตวา กัมมัง กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา”

แปลว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนานั่นแหละเป็นกรรม เมื่อมีเจตนาแล้ว บุคคลย่อมกระทำกรรมโดยทางกาย วาจา ใจ”

วิกิพีเดีย เขาประยุกต์เข้ากับพฤติกรรมมนุษย์ไว้ดี ผมอยากจะยกมาให้ดู ดังนี้

“ภาษิตนี้ เป็นหลักกฎหมายอาญา ไว้สำหรับพิจารณาพฤติการณ์ในการกระทำของจำเลยเพื่อกำหนดฐานความผิดของจำเลย

โดยพิจารณาว่า…

จำเลยมีเจตนากระทำความผิดหรือไม่   

และยังใช้แยกเจตนาฆ่าออกจากเจตนาทำร้าย เพราะเจตนาฆ่า ย่อมมีโทษหนักกว่าเจตนาทำร้าย

ทั้งนี้ เนื่องจากเจตนาเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของผู้กระทำ ไม่มีใครหยั่งรู้ได้

ในการวินิจฉัยหรือพิสูจน์ว่า ผู้กระทำมีเจตนาฆ่าหรือเพียงแต่มีเจตนาทำร้ายเท่านั้น จึงต้องถือหลักว่า

“การกระทำที่แสดงออกมาภายนอก เป็นเครื่องชี้ถึงสภาพจิตใจของผู้กระทำ”

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” นั่นเอง

ผมพูดแค่นี้ คนระดับรองศาสตราจารย์อย่างคุณสมชัยย่อมเข้าใจ จริงมั้ยครับ?

ผมนับถือในวิชาความรู้คุณสมชัย หลายๆ เรื่องทางกฎหมาย-กฎกติกาเลือกตั้ง ผมยังต้องอาศัยที่คุณสมชัยอธิบาย

แต่ความรู้ต้องคู่มโนธรรมสำนึก สัมมาสติ สัมมาทิฐิ นั่นคืออาภรณ์ล้ำค่าชิ้นเดียวที่คุณสมชัยยังขาด

คุณสมชัยคือ “เพชรที่หล่นหาย”

ถึงประกายมี แต่คนก็ไม่เห็น เพราะเป็น “เพชรจมเลน”

และแถม “จมปลัก”!

คนปลายซอย

-- advertisement --